วันอังคารที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2558

การแทนข้อมูลในคอมพิวเตอร์

       คอมพิวเตอร์ทำงานด้วยหลักการทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้สัญญาณทางไฟฟ้าแทนตัวเลข0และ1

อาชาญากรรมเเละอาชากรคอมพิวเตอร์

การใช้คอมพิวเตอร์ในฐานะเป็ฯเครื่องมือในการก่ออาชญากรรม เช่น
1. การขโมยเลขบัตรเครดิต
2.การเเอบอ้าง ใช้ข้อมูลส่วนตัวของบุคคลอื่นในการเเอบอ้างเป็นบุคคลนั้น
3.การกราดตรวจทางคอมพิวเตอร์ คือ ใช้คอมพิวเตอร์ในการหลอกลวงผู้อื่น

คอมพิวเตอร์ในฐานะของเป้าหมายอาชญากรรม เช่น
1.การเข้าถึงเเละการใช้งานโดยไม่ได้รับอนุญาต เช่น การขโมยรหัสส่วนตัวเพื่อก่อให้เกิดความเสียหายเเก่บุคคลหรือองค์การ
2. การก่อกวนหรือทำงายข้อมูล เเทรกเเซง การทำงานของฮาร์ดเเวร์ เเละซอฟเเวร์ ได้เเก่ ไวรัส การทำให้ระบบปฏิเสธการให้บริการ เเละข่าวหลอกลวง

กฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศ

ปัจจุบันพัฒนาการทางเทคโนโลยีสารสนเทศได้เปลี่ยนเเปลงอย่างรวดเร็วตามยุคสมัย มีการนำมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยขน์มากมายทั้วโลก 
1. กฎหมายข้อมูลคุมครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อคุ้มครองสิทธิความเป็นส่วนตัวจากการนำข้อมูลไปใช้ในทางมิชอบ
2. กฎหมายอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ เพื่อคุ้มครองสังคมจากความผิดที่เกี่ยวกับข้อมูลสารอันถือเป็ฯทรัพย์สินที่ไม่มีรูปร่าง
3.กฎหมายโทรคมนาคม เพื่อวางกลไกลในการเปิดเสรีให้มีการเเข่งขันที่มีประสิทธิภาพ
4.กฎหมายระหว่างประเทศ องค์การระหว่างประเทศเเละการค้าระหว่างประเทศที่เกี่ยวเนื่องกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
5.กฎหมายที่เกี่ยวเนื่องกับคอมพิวเตอร์

ความหมายของจริยธรรม


จริยธรรม มีหลายความหมายเช่น หลักของศีลธรรมในเเต่ละวิชาชีพเฉพาะ
1. การใช้คอมพิวเตอร์ทำร้ายผู้อื่นให้เกิดความเสียหาย หรือก่อความรำคาญ
2. การใช้คอมพิวเตอร์ในการขโมยข้อมูล
3. การเข้าถึงข้อมูลหรือคอมพิวเตอร์ของบุคคลอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต
4. การละเลิดลิขสิทธิ์ซอฟต์เเวร์
กรอบความคิดเรื่องจริยธรรม
1. ความเป็นส่วนตัว คือ การเก็บรวบรวม การเก็บรักษา เเละการเผยเเพร่ข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับปัจเจกบุคคล
2. ความถูกต้อง คือ ความถูกต้องเเม่นยำของการเก็บรวบรวมเเละวิธีการปฏิบัติกับข้อมูลสารสนเทศ
ทรัพย์สินทางปัญญา
ทรัพย์สินทางปัญญา หมายถึง สิทธิความเป็นเจ้าของของหรือในการถือครองทรัพย์สิน อาจเป็นทรัพย์สินที่จับได้ต้องได้

วันศุกร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ผลกระทบของเทคโนโลยีสารสนเทศ

      การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศจนสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างมาก   นับได้ว่าเป็นยุคของเทคโนโลยีสารสนเทศหรือยุคข้อมูลข่าวสาร   ซึ่งก่อให้เกิดประโยขน์ต่อมวณมนุษย์มหาศาล
ผลกระทบในทางบวก
1.ช่วยส่งเสริมความสะดวกสะบายของมนุษย์   เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยทำให้มนุษย์มีชีวิตความเป็ยอยู่ที่ดีขึ้น   ช่วยส่งเสริมให้มีประสิทธิภาพในการทำงาน
2.ช่วยทำให้การผลิตในอุตสาหกรรมดีขึ้น   ระบบการผลิตสินค้าในปัจจจุบันเป็นระบบที่ต้องการผลิตสินค้าเป็นจำนวนมาก   มีคุณภาพมาตรฐาน   การผลิตในสมัยปัจจุบันใช้เครื่องจักทำงานอย่างอัตโนมัติ
3.ช่วยส่งเสริมการค้นคว้าให้มีความสะดวกและประสิทภาพขึ้น   เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และระบบสื่อสารเช่น   เครือข่ายคอมพิวเตอร์ช่วยให้งานค้นคว้าวิจัยมีความก้าวหน้ายิ่งขึ้นคอมพิวเตอร์ช่วยทำงานที่ซับซ่อน
3.ช่วยส่งเสริมการค้นคว้าวิจัยให้มีความสะดวกและมีประสิทธิภาพขึ้น  เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และระบบสื่อสารเช่น เครือข่ายคอมพิวเตอร์ช่วยให้งานค้นคว้าวิจัยมีความก้าวหน้ายิ่งขึ้น
4.ช่วยส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น   คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศทำให้กิจการทางด้านการแพทย์เจริญก้าวหน้าขึ้นมาก   ปัจจุบันเครื่องมือทางการแพทย์ช่วยในการดำเนินการ
5. ช่วยส่งเสริมสติปัญญาของมนุษย์ คอมพิวเตอร์มีจุดเด่นที่ทำให้การทำงานต่างๆ รวดเร็วมีความเเม่นยำ เเละสามารถทำงานเสร็จในเวาลาไม่นาน เพื่อให้มนุษย์หาทางศึกษาเเก้ปัญหาเช่น การจำลองสภาวะของสิ่งเเวดล้อมเป็นต้น
6. เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยให้เศรษฐกิจเจริญรุ่งเรือง การใช้เทคนโลยีเป็นเรื่องที่จำเป็นต่ออุตสาหกรรมเป็นต้น ช่วยส่งเสริมงานทางด้านเศรษฐกิจธุระกิจอาศัยการเเลกเปลียนข้อมูลทางอีเล็กทรอนิกส์ระหว่างกัน เกิดระบบการสับเปลี่ยนข้อมูลอีเล็กทรอนิกส์
7. ช่วยให้เกิดความเข้าใจอันดีระหว่างกัน สังคมโลกไร้พรมเเดน มีการเรียนรู้วัฒนธรรมซึ่งกันเเละกันมาขึ้น เกิดความเข้าใจซึ่งกันเเละกันได้ดี ทำให้ลดปัญหาในเรื่องขัดเเย้ง
8. ช่วยส่งเสริมประชาธิปไตย ลในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้เเทนราษฎรทุกครั้ง มีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อกระจายข่วสาร เพื่อให้ประชาชนได้เห็นความสำคัญของระบบประชาธิปไตยเเม้เเต่การเลือกตั้งก็มีการใช้คอมพิวเตอร์รวมผลคะเเนน ใช้สื่อสารได้อย่างรวดเร็ว
ผลกระทบในทางลบ
1. ทำให้เกิดอาชญากรรม เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นหนทางในการก่ออาชญากรรมได้โจรผู้ร้ายอาจใช้เทคโนโลยี สารสนเทศในการวงเเผนปล้น มีการลักรอบใช้ข้อมูลข่าาวสาร เเก้ไขตัวเลขบัญชีด้วยคอมพิวเตอร์ การลอบเข้าไปเเก้ไข
2. ทำให้ความสำพันธืขิงมนุษย์เสื่อมถอย การใช้คอมพิวเตอร์เเละการสื่อสารทำให้สามารถติดต่อสื่อสารได้โดยไม่ต้องเห็นตัว ทำให้ความสำพันธ์กับผู้อื่นลดลง
3.ทำให้เกิดความวิตกกังวล ผลกระทบนี้เป็นผลกระทบทางด้านจิตใจของกลุ่มบุคคล มีระบบการผลิตที่อัตโนมัติมากขึ้น ทำให้ผู้ใช้เเรงงานอาจตกงาน
4. ทำให้เกิดการเสี่ยงภัยทางธุระกิจ ธุรกิจในปัจจุบันจำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยเทคโนโลยีสารสนเทศมากขึ้น ข้อมูลข่าวสารทั้งหมดของธุระกิจฝากไว้ในศูนย์ข้อมูลเช่น ข้อมูลลูกหนี้การค้า เป็นต้น
5. ทำให้มีการพัฒนาอาวุธ ที่มีอำนาจทำลายสูง ประเทสที่เป็นเจ้าของเทคโนโลยีสามารถนำเทคโนโลยีมาช่วยในการสร้างอาวุธที่มีอานุภาคการทำลายสูง ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดสงครามเเละการสูญเสียมากขึ้น
6. ทำให้เกิเเพร่วัฒนธรรมเเละกระจายข่าวสารที่ไม่เหมาะสมอย่างรวดเร็ว














เทคโนโลยีสารสนเทศกับการเปลี่ยนแปลง

   แนงโน้มการเปลี่ยนแปลงของสังคมโลก   เทคโนโลยีสารสนเทศทำให้หารหระจายข้อมูลข่าวสารดเป็นไปอย่างรวดเร็ว  ทุกทิศทาง  และมีระบบตอบสนอง  ด้วยเหตุนี้
   1.เทคโนโลยีสารสนเทศทำให้สังคมเปลี่ยนจากสังคอมอุตสาหกรรมเป็นสังคมสารสนเทศสภาพของสังคมโลกเปลี่ยนแปลงมาแล้ว2ครั้ง จากสังคมความเป็นอยู่แบบแร่ร่อนมาเป็นสังเกษตรที่มีการเพาะปลูกและผลิตผลทางการเกษตร  จึงต้องมาผลิตแบบอุตสาหกรรมทำให้สภาพเป็นอยู่ของมนุษย์เปลี่ยนแปลงมาเป็นสังคมเมือง
    2.เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเทคโนโลยีแบบตอบสนองตามความต้องการของผู้ใช้ เช่น  การดูโทรทัศน์  วิทยุ   เมื่อเปิดเครื่องรับโทรทัศหรือวิทยุ   เมื่อเปิดเครื่องรับโทรทัศน์หรือวิทยู  ไม่สามารถเลือกตามความต้องการได้หากไม่พอใจก็ทำได้แค่เลือกสถานีใหม่
     3.เทคโนโลยีสารสนเทศทำให้เกิดสภาพการทำงานแบบทุกสถานที่ และทุกเวลาเมื่อการสื่อสารกล่าวหน้าและแพร่หลายขึ้น   การโต้ตอบผ่านเครือข่ายทำให้มีปฏิสัมพันธ์ได้  เกิดระบบการประชุมทางวีดิทัศน์  ระบบประชุมบนเครือข่าย  ระบบโทรศึกษา    ระบบการค้าบนเครือข่าย ลัษณะดำเนินงานเหล่านี้  ทำให้ผู้ใช้ขยายขอบเขตการดำเนินกิจกรรมไปทุกทีทุกเวลา
      4.เทคโนโลยีสารสนเทศทำให้ระบบเศษฐกิจเปลี่ยนจากระบบท้องถิ่นไปเป็นเศษฐกิจโลกระบบเศษฐกิจซึ่งแต่เดิมมีขอบเขตจำกัดภายในประเทศก็กระจายเป็นเศษฐกิจโลก
      5.เทคโนโลยีสารสนเทศทำให้องค์กรมีลักษณะผูพัน  หน่วยงานภายในเป็นแแบบเครือข่ายมากขึ้น   แต่เดิมการองค์กรจัดเป็นลำดับขึ้น  มีสานการจากบั
คับบัญชาจากบนลงล่าง  แต่เมื่อการสื่อสารแบบสองทางและการกระจายข่าวสารดีขึ้น
      6.เทคโนโลยีสารสนเทศก่อให้เกิดการวางแผนการดำเนินการการระยะยาวขึ้น  อีกทั้งทำให้วิธีการตัดสินใจรอบคอบมากขึ้น    แต่เดิมการตัดสินปัญหาอาจมีหนทางเลือกให้น้อย
     7.เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเทคโนโลยีที่มีบทบาทที่สำคัญในทุกวงการ  ดังนั้นจึงมีผลต่อการเปลี่ยยนแปลงทางสังคม  วัฒนธรรม   ศีลธรรม   การศึกษาเศษฐกิจและการเมื่องอย่างมาก

การขยายตัวของเทคโนโลยีสารสนเทศ

     เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเทคโนโลยีที่มีการแพร่ขยายอย่างรวดเร็ว   จนมีความสามารถในการใช้งานเพิ่มขึ้น  ขณะเดียวกันก็มีคาราถูกลง  ผลของการพัฒนานี้ทำให้มีการประยุกต์ใช้งานกันอย่างกว้างขวาง
     สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศหนึ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนในอดีตประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศเกษตรกรรม  มีผลผลิตทางด้านการเกษตรเป้นสินค้าหลัก  ต่อมามีการเปลี่ยนโครงสร้างการผลิตเป็นประเทศอุตสาหกรรม
    หากพิจารณาการใช้งานคอมพิวเตอร์และระบบสื่อสารทั่วไปของโลก  ปัจจุบันมูลค่าของสินค้าทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศได้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว  สิ่งที่หน้าสนใจคือพัฒนาแล้ว10ประเทศได้แก่สหรัฐอเมริกา  สิงค์โปร  ฟินแลนด์  ลักเซมเบิร์ก  เนเธอร์แลนด์  เขตบริหารพิเศษฮ่องกง  ไอซ์แลนด์
สวีแดน  แคนนาดา  และสวิตเซอร์แลนด์
     ถ้าพิจารณาบริษัทผู้ผลิตสินค้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศพบว่า  ประเทศผู้ผลิตเพื่อส่งออกมีเพียงแค่ไม่กี่ประเทศทั่วโลก
    ความก้าวหน้าของคอมพิวเตอร์และเครื่องมือสื่อสาร  ทำให้อุปกรณ์ต่างๆมีขนาดเล็กลงแต่มีความสามรเพิ่มขึ้น  และมีราคาถูกจนผู้ที่น่าสนใจสามารถหาซื้อมาได้  แทบกล่าวได้ว่าบทบาทของเทคโนโลยีารสนเทศจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน
     ปัจจุบันคอมพิวเตอร์และระบบสื่อสารได้ประโยชน์อย่างมากต่อวงการธุรกิจ  ทำให้ทุกธุรกิจมีการลงทุนขยายขอบเขตการให้บริการโดยใช้ระบบสารสนเทศกันมากขึ้น การใช้งานเครือข่ายคอมพิวเตอร์  เช่น อินเทอร์เน็ตมีอัตราการขยายตัวสูงมาก   จนกล่าวได้ว่าเป็นอัตราการขยายตัวแบบทวีคูณ ผู้คนบนโลกสามารถติดต่อสื่อสารกันผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ตไม่ได้

ประเภทของระบบสารสนเทศ

   ปัจจุบันจะเห็นความสัมพันธ์ระหว่างองค์การกับระบบสารสนเทศและเทคโนโลยีสารสนเทศชัดเจนมากขึ้น  เนื่องจากการบริหารงานในองค์การมีหลายระดับ  กิจกรรมขององค์การแต่ละประเภทจะแตกต่างกัน  ดังนั้นระบบสารสนเทศของแต่ละองค์การอาจแบ่งประเภทแตกต่างกันออกไป
          ซึ่งระบบสารสนเทศสามารถจัดแบ่งประเภทได้หลายวิธี  ในที่นี้ขอกล่าวถึงประเภทของระบบสารสนเทศที่สำคัญ3 ประเภทดังนี้
1.ระบบสารสนเทศที่สนับสนุนการทำงานของผู้ปฏิบัติงานหรือผู้บริห่รระดับต่างๆ
2.การจำแนกคามหน้าที่ขององค์การ
3.การจำแนกการให้การสนับสนุนของระบบสารสนเทศ
     ระบบสารสนเทศที่สนับสนุนการทำงานของผู้ปฏิบัติงานหรือบริหารระดับต่างๆแบ่งประเภทของสารสนเทศไว้  ดังนี้
1.ระบบประมวณผลรายการ  เป็นระบบที่ทำหน้าที่ในการปฏิบัติงานประจำ  ทำการบันทึกจัดเก็บ  ประมวณรายการที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน  โดยใช้ระบบคอมพิวเตอร์ทำงานแทนการทำงานด้วยมือ
2.ระบบสำนักงานอัตโนมัติ เป็นระบบที่สนับสนุนงานในสำนักงาน หรืองานธุรการของหน่วยงาน  ระบบจะประสานการทำงานของบุคลากรรวมทั้งกับบุคคลภายนอกหรือหน่วยงานอื่น
3.ระบบสร้างความรู้ เป็นระบบที่ช่วยสนับสนุนบุคลากรที่ทำงานด้านการความรู้เพื่อพัฒนาการคิดค้น  สร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ
4.ระบบสารสนเทศสำหรับผู้บริหารระดับสูง  เป็นระบบที่สร้างสารสนเทศเชองกลยุทธ์สำหรับผู้บริหารระดับสูง  ซึ่งทำหน้าที่กำหนดแผนระยะยาวและเป้าหมายของกิจการ
    ระบบสารสนเทศการจำแนกตามการให้การสนับสนุนของระบบสารสนเทศ  การจำแนกตามการให้การสนับสนุนของระบบสารสนเทศ แบ่งเป็น3ระบบดังนี้
1.ระบบสารสรเทศประมวณผลรายการ
2.ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ
3.ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ

การแทนข้อมูลในคอมพิวเตอร์

      คอมพิวเตอร์ทำงานด้วยหลักการทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้สัญญาณทางไฟฟ้าแทนตัวเลขศูนย์และหนึ่ง  ซึ่งเป็นตัวเลขในระบบเลขฐานสอง แต่ละหลังเรียกว่า  บิต และเมื่อนำตัวเลขหลายๆ บิตมาเรียงกัน  จะใช้รหัสแทนจำนวนอักขระหรือสัญลักษณ์ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษได้
        รหัสแอสกี   การกำหนดรหัสแทนข้อมูลขึ้นอยู่กับชนิดของข้อมูลและคอมพิวเตอร์รหัสที่ใช้แทนตัวอักขระที่เป็นมาตรฐาน
        รหัสเอบซีดิก  เป็นการกำหนดรหัสแทนตัวอักขระที่ใช้กันแพร่หลายอีกแบบหนึ่ง  การกำหนดรหัสจะใช้8บิตหรือ1ไบต์ต่อ1อักขระ
     

วันเสาร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ระบบสารสนเทศที่ใช้คอมพิวเตอร์

           ระบบสารสนเทศที่ใช้คอมพิวเตอร์ประกอบด้วย  ฮาร์ดแวร์  ซอฟต์แวร์  ข้อมูล  บุคลากร   กระบวนงาน   และโทรคมนาคมซึ่งถูกกำหนดขึ้นเพื่อทำการรวบรวม  จัดการ  จัดเก็บและประมวณผลข้อมูลให้เป็นสารสนเทศดังนี้
            1.ฮาร์ดแวร์ คือ  อุปกรณ์ทางกายภาพซึ่งก็คือเครื่องคอมพิวเตอร์และหน่วยงานประมวณผลต่างๆ
            2.ซอฟต์แวร์  ประกอบด้วยกลุ่มของโปรแกรมที่ใช้ในการปฏิบัติงานร่วมกับฮาร์ดแวร์และใช้ในการประมวณผลข้อมูลเป็นสารสนเทศ
            3.ข้อมูล  ในส่วนนี้หมายถึง  ข้อมูลและสารสนเทศที่ถูกเก็บอยู่ในฐานข้อมูล   โดยฐานข้อมูล หมายถึง  กลุ่มของข้อมูลและสารสนเทศที่มีความเกี่ยวข้องกัน
            4.บุคลากร  หมายถึง   บุคคลที่เกี่ยวข้องกับงานคอมพิวเตอร์ทั้งหมด  ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้ จนถึงผู้อำนวยการคอมพิวเตอร์
            5.กระบวนงาน  หมายถึง  กลุ่มของคำสั่งหรือกฎหมายที่แนะนำวิธีการปฎิบัติงานกับคอมพิวเตอร์ในระบบสารสนเทศ
            6.การสื่อสารข้อมูล  หมายถึง  การส่งสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์เพื่อติดต่อสื่อสารและช่วยให้องค์กรสามารถเชื่อมระบบคอมพิวเตอร์เข้ากับระบบเครอข่าย

ระบบสารสนเทศ

       ระบบสารสนเทศ  หมายถึง   ระบบที่ดำเนินการจัดการข้อมูลข่าวสารในองค์กรให้สามารถนำมาใช้ได้อย่างเป็นระบบระเบียบ  โดยมีกรือไม่มีคอมพิวเตอร์เข้ามาเกี่ยวข้องก็ได้  แต่ในที่นี้จะหมายถึงระบบคอมพิวเตอร์ที่มีการใช้คอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยจัดการข้อมูลข่าวสารเพื่อให้ได้มาเพื่อสารสนเทศเพื่อนำไปประกอบการตัดสินใจในเวลาอันรวดเร็วและถูกต้องที่สุด  ดังนั้นระบบสารสนเทศในที่นี้จึงประกอบด้วย ฮาร์ดแวร์  ซอฟต์แวร์   ผู้ใช้  กระบวนการ   และตัวข้อมูลหรือสารสนเทศโดยมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนสามารถตรวจสอบและประเมินผลระบบได้

วันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2558

การจัดการข้อมูลให้เป็นสารสนเทศ

     การทำข้อมูลให้เป็นสารสนเทศที่จะเป็นประโยขน์ต่อการใช้งาน   จำเป็นต้องอาศัยเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการดำเนินการ  เริ่มตัั่งแต่การรวบรวมและตรวจสอบข้อมูล   การดำเนินการประมวณผล ข้อมูลให้กลายเป็นสารสนเทศ   และการดูแลรักษาสารสนเทศเพื่อการใช้งาน  ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
     1.การรวบรวมและตรวจสอบข้อมูล   ควรประกอบด้วย
         1.การเก็บรวบรวมข้อมูล  เป็นเรื่องของการเก็บรวบร่วมข้อมูลซึ่งมีจำนวนมาก  และต้องเก็บให้ได้อย่างทันเวลา
         2.การตรวจสอบข้อมูล  เมื่อมีการเก็บรวบรวมข้อมูลแล้วจำเป็นต้องมีการตรวจสอบข้อมูล   เพื่อตรวจสอบความถูกต้อง  ข้อมูลที่เก็บเข้าในระบบจะต้องมีความเชื่อถือได้
      2.การดำเนินการประมวณผลข้อมูลให้กลายเป็นสารสนเทศ  ประกอบด้วยกิจการดังต่อไปนี้
         1.การจัดแบ่งข้อมูล  ข้อมูลที่จัดเก็บจะต้องมีการเก็บการแยกกลุ่มเพื่อเตรียมไว้สำหรับการใช้งาน  การแบ่งแยกกลุ่มมีวิธีการที่ชัดเจน
         2.การจัดเรียงข้อมูล  เมื่อจัดแบ้งกลุ่มเป็นแฟ้มแล้ว  ควรมีการจัดเรียงข้อมูลตามลำดับตัวเลข  หรืออักษร
         3.การสรุปผล  บางครั้งข้อมูลที่จัดเก็บมีเป็นจำนวนมาก  จำเป็นต้องมีการสรุปผลหรือสร้างรายงานย่อ  เพื่อนำไปใช้ประโยชน์
         4.การคำนวณ  ข้อมูลที่เก็บมีเป็นจำนวนมาก  ข้อมูลบางส่วนเป็นข้อมูลตัวเลขที่สามารถนำไปคำนวณเพื่อหาผลลัพธ์บางอย่างได
        3.การดูแลรักษาสารสนเทศเพื่อการใช้งาน  ประกอบด้วย
          1.การเก็บรักษาข้อมูล  หมายถึง  การนำข้อมูลมาบันทึกเก็บรักษาไว้ในสื่อบันทึกต่างๆ
          2.การค้นหาข้อมูล   ข้อมูลที่จัดเก็บไว้มีจุดประสงค์ที่จะเรียนใช้งานได้ต่อไป
          3.การทำสำเนาข้อมูล  การทำสำเนาเพื่อที่จะนำข้อมูลเก็บรักษาไว้
          4.การสื่อสาร  ข้อมูลต้องกระจายหรือส่งต่อไปยังผู้ใช้งานที่ห่งไกลได้ง่าย